ลาวัณย์ ยืนนาน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผู้นำไลฟ์ สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ กล่าวว่า 5-6 ปีก่อน เมเจอร์ฯพัฒนานวัตกรรมระบบจองตั๋วภาพยนตร์ทางอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ชม โดยปัจจุบันมียอดจองออนไลน์ 5% ของยอดขายตั๋วรวม หรือกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน
ด้วยจำนวนผู้ใช้ สมาร์ทโฟนกว่า 2 ล้านเครื่องในปัจจุบัน และมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี อีกทั้งผู้ใช้ 80-90% ยังมีโปรไฟล์เป็นกลุ่มคนเมืองอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองเป็นหลัก จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ที่สำคัญ เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับลูกค้าที่ดูภาพยนตร์
ในยุคที่ก้าวสู่ “โมบาย มาร์เก็ตติ้ง” การพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2554 ทำให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ต้องตามกระแสผู้ใช้ ด้วยการพัฒนาแอพฯ ใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใช้เวลากับสมาร์ทโฟน มากกว่าเครื่องมืออื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการซื้อตั๋วหนังได้ทุกที่ ทุกเวลา เมเจอร์ฯ จึงพัฒนาแอพพลิเคชั่น “Major Movie” โดยเริ่มจาก iPhone ในช่วงกลางปี 2552 หลังเปิดตัวเพียงหนึ่งสัปดาห์ เป็นแอพฯ ที่ติดอันดับท็อปดาวน์โหลดของ app store ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 2 แสนดาวน์โหลด
ล่าสุดเมเจอร์ มูฟวี่ พร้อมให้บริการในสมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่าง แบล็คเบอร์รี (BB) และยังสามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือแล้ว ไม่ว่าจะเป็น android และ symbian ของโนเกีย สามารถดาวน์โหลดได้ที่ m.majorcineplex.com
แอพฯ “เมเจอร์ มูฟวี่” ยังให้บริการเช็ครอบหนัง ดูหนังพรีวิว จองและซื้อตั๋วหนังได้ทันทีในทุกที่ทุกเวลา และจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์ โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์จองตั๋วผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ หรือเปิดคอมพิวเตอร์ คลิกจองตั๋วหนังผ่านเว็บไซต์เหมือนในอดีตอีกต่อไป เป็นการพัฒนานวัตกรรมจองตั๋วหนังให้มาอยู่ในมือผู้ชม ด้วยบริการแบบ One Stop Service
ลาวัณย์ บอกว่าจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 26 ล้านคน มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนราว 2 ล้านคน จะเห็นว่าสัดส่วนต่างกันค่อนข้างมาก แต่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน ถือเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาและกำลังซื้อสูง เป็น trend setter ที่น่าสนใจ ซึ่งเมเจอร์ฯ ได้ศึกษาและเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาบริการนวัตกรรมใหม่ สร้างความสะดวกสบายมารองรับกลุ่มคนเหล่านี้ และพบว่าหากเป็นบริการที่ตรงใจ ตอบโจทย์ กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นเหมือน Speaker บอกต่อนวัตกรรมให้กลุ่ม trend setter ด้วยกันได้รับรู้ต่อ
“โลก โซเชียล เน็ตเวิร์ค ที่เชื่อมโยงผู้คนในเครือข่ายออนไลน์ การบอกต่อบริการนวัตกรรมใหม่ๆ จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเป็นข้อมูลที่ได้รับความเชื่อถือ เพราะเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคพูดคุยกับผู้บริโภคกันเอง จะทำให้เมเจอร์ มูฟวี่ แอพฯ มีกระแสตอบรับที่ดี”
ในปี 2552 ที่เริ่มต้นพัฒนา เมเจอร์ มูฟวี่ แอพฯ บนไอโฟน เทคโนโลยีและโลกออนไลน์เรียกว่ายังไม่มีลูกเล่นอะไรใหม่ๆ แต่ในปี 2553 เกิดกระแสตื่นตัวของ “โซเชียล เน็ตเวิร์ค” ดังนั้น ในปี 2554 จะมีการพัฒนาลูกเล่นแอพฯ ให้เชื่อมต่อกับโซเชียล เน็ตเวิร์ค เพื่อให้ผู้ใช้สามารถบอกต่อเกี่ยวกับเรื่องราวและภาพยนตร์ที่ชื่นชอบไปยัง กลุ่มเพื่อนๆ ในโซเชียล เน็ตเวิร์ค เพิ่มความสนุกกับการใช้แอพฯ ของเมเจอร์อีกขั้น
ปีหน้าเชื่อว่าราคาสมาร์ทโฟนจะถูกลง ราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาทให้เลือกซื้อหลากหลายรุ่น ขณะที่โอเปอเรเตอร์มือถือเองต้องการให้มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวนมาก เพื่อขายแพ็คเกจการใช้งานอินเทอร์เน็ต ดังนั้น จะเห็นความร่วมมือระหว่างค่ายมือถือ คอนเทนท์ และโอเปอเรเตอร์ ในการพัฒนาแอพฯ มากขึ้น
การพัฒนาเทคโนโลยีมือถือในปัจจุบันที่มี ฟังก์ชันการทำงานเพิ่มขึ้น และการพัฒนาโครงข่าย 3 จีในอนาคต เชื่อว่าจะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือในสัดส่วนเท่ากับคอมพิวเตอร์หรือ มากกว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ จึงถือเป็นโอกาสในการขยายช่องทางการจำหน่ายตั๋วออนไลน์ ผ่านทั้งเว็บไซต์และโทรศัพท์มือถือ ที่น่าจะเติบโตควบคู่กันไป
ลาวัณย์ เล่าว่า ล่าสุดเมเจอร์ฯ ยังให้บริการจองตั๋วภาพยนตร์ทางไอแพด โดยมีพนักงานเข้าไปรับออเดอร์กับลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ภายในสาขาโรงภาพยนตร์ รวมทั้งบริการพิเศษ ช่องทางการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ฟาสท์เลน ที่เครื่องจำหน่ายบัตรอัตโนมัติด้วยบัตรเครดิตชิพการ์ดของทุกสถาบันการเงิน นับเป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในเมืองไทยที่มีระบบซื้อบัตรชมภาพยนตร์ด้วยตนเอง ผ่านบัตรเครดิต ใช้เวลาทำรายการเพียง 2 นาที และสามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ล่วงหน้าได้เช่นเดียวกัน
“การพัฒนานวัต กรรมบริการต่างๆ เชื่อว่าเมื่อลูกค้าได้ทดลองใช้แล้ว จะมีการใช้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสะดวก สบายและคุ้มค่า อีกทั้งยังช่วยตอกย้ำแบรนด์ อิมเมจ ของเมเจอร์ฯ ในฐานะผู้นำในธุรกิจนี้อีกด้วย”
อีกค่ายโรงภาพยนตร์อันดับสอง “เอสเอฟ” เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมการตลาดใหม่ๆ ในโลกออนไลน์เช่นกัน
สุ พัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดตัว “SF Showtimes in Hand” แอพพลิเคชั่น ความบันเทิงรูปแบบใหม่บนโทรศัพท์มือถือ ที่มอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูล เช็ครอบฉาย ชมภาพยนตร์ตัวอย่าง และโปรโมชั่นกิจกรรมต่างๆ ของโรงภาพยนตร์ในเครือ เอสเอฟ รวมทั้งการจองบัตรชมภาพยนตร์ โดยสามารถเลือกที่นั่งได้ทั้งโรง เหมือนมาซื้อตั๋วเองที่หน้าโรงภาพยนตร์ ผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนทุกรุ่น ทุกระบบ เป็นการก้าวสู่โรงภาพยนตร์ที่ให้บริการ Mobile Ticketing สมบูรณ์แบบ
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “SF Showtimes in Hand” ที่ m.sfcinemacity.com หรือที่ App Store สำหรับ iPhone และ Android Market
“การให้บริการที่ดีที่สุดกับลูกค้า คือ หัวใจสำคัญของธุรกิจของโรงภาพยนตร์ ซึ่งเอสเอฟ ได้พัฒนานวัตกรรมระบบการให้บริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสะดวกในการจองตั๋วชมภาพยนตร์ให้อยู่ที่ปลายนิ้วมือ การพัฒนาบริการและนวัตกรรมต่างๆ จะส่งผลที่ดีต่อภาพลักษณ์และเพิ่มจำนวนลูกค้าอีกด้วย”
ลาวัณย์ ยืนนาน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผู้นำไลฟ์ สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ กล่าวว่า 5-6 ปีก่อน เมเจอร์ฯพัฒนานวัตกรรมระบบจองตั๋วภาพยนตร์ทางอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ชม โดยปัจจุบันมียอดจองออนไลน์ 5% ของยอดขายตั๋วรวม หรือกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน
ด้วยจำนวนผู้ใช้ สมาร์ทโฟนกว่า 2 ล้านเครื่องในปัจจุบัน และมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี อีกทั้งผู้ใช้ 80-90% ยังมีโปรไฟล์เป็นกลุ่มคนเมืองอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองเป็นหลัก จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ที่สำคัญ เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับลูกค้าที่ดูภาพยนตร์
ในยุคที่ก้าวสู่ “โมบาย มาร์เก็ตติ้ง” การพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2554 ทำให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ต้องตามกระแสผู้ใช้ ด้วยการพัฒนาแอพฯ ใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใช้เวลากับสมาร์ทโฟน มากกว่าเครื่องมืออื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการซื้อตั๋วหนังได้ทุกที่ ทุกเวลา เมเจอร์ฯ จึงพัฒนาแอพพลิเคชั่น “Major Movie” โดยเริ่มจาก iPhone ในช่วงกลางปี 2552 หลังเปิดตัวเพียงหนึ่งสัปดาห์ เป็นแอพฯ ที่ติดอันดับท็อปดาวน์โหลดของ app store ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 2 แสนดาวน์โหลด
ล่าสุดเมเจอร์ มูฟวี่ พร้อมให้บริการในสมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่าง แบล็คเบอร์รี (BB) และยังสามารถใช้ได้กับทุกระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือแล้ว ไม่ว่าจะเป็น android และ symbian ของโนเกีย สามารถดาวน์โหลดได้ที่ m.majorcineplex.com
แอพฯ “เมเจอร์ มูฟวี่” ยังให้บริการเช็ครอบหนัง ดูหนังพรีวิว จองและซื้อตั๋วหนังได้ทันทีในทุกที่ทุกเวลา และจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์ โดยไม่ต้องยกหูโทรศัพท์จองตั๋วผ่านคอลล์เซ็นเตอร์ หรือเปิดคอมพิวเตอร์ คลิกจองตั๋วหนังผ่านเว็บไซต์เหมือนในอดีตอีกต่อไป เป็นการพัฒนานวัตกรรมจองตั๋วหนังให้มาอยู่ในมือผู้ชม ด้วยบริการแบบ One Stop Service
ลาวัณย์ บอกว่าจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 26 ล้านคน มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนราว 2 ล้านคน จะเห็นว่าสัดส่วนต่างกันค่อนข้างมาก แต่ผู้ใช้สมาร์ทโฟน ถือเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาและกำลังซื้อสูง เป็น trend setter ที่น่าสนใจ ซึ่งเมเจอร์ฯ ได้ศึกษาและเฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาบริการนวัตกรรมใหม่ สร้างความสะดวกสบายมารองรับกลุ่มคนเหล่านี้ และพบว่าหากเป็นบริการที่ตรงใจ ตอบโจทย์ กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นเหมือน Speaker บอกต่อนวัตกรรมให้กลุ่ม trend setter ด้วยกันได้รับรู้ต่อ
“โลก โซเชียล เน็ตเวิร์ค ที่เชื่อมโยงผู้คนในเครือข่ายออนไลน์ การบอกต่อบริการนวัตกรรมใหม่ๆ จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเป็นข้อมูลที่ได้รับความเชื่อถือ เพราะเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคพูดคุยกับผู้บริโภคกันเอง จะทำให้เมเจอร์ มูฟวี่ แอพฯ มีกระแสตอบรับที่ดี”
ในปี 2552 ที่เริ่มต้นพัฒนา เมเจอร์ มูฟวี่ แอพฯ บนไอโฟน เทคโนโลยีและโลกออนไลน์เรียกว่ายังไม่มีลูกเล่นอะไรใหม่ๆ แต่ในปี 2553 เกิดกระแสตื่นตัวของ “โซเชียล เน็ตเวิร์ค” ดังนั้น ในปี 2554 จะมีการพัฒนาลูกเล่นแอพฯ ให้เชื่อมต่อกับโซเชียล เน็ตเวิร์ค เพื่อให้ผู้ใช้สามารถบอกต่อเกี่ยวกับเรื่องราวและภาพยนตร์ที่ชื่นชอบไปยัง กลุ่มเพื่อนๆ ในโซเชียล เน็ตเวิร์ค เพิ่มความสนุกกับการใช้แอพฯ ของเมเจอร์อีกขั้น
ปีหน้าเชื่อว่าราคาสมาร์ทโฟนจะถูกลง ราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาทให้เลือกซื้อหลากหลายรุ่น ขณะที่โอเปอเรเตอร์มือถือเองต้องการให้มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนจำนวนมาก เพื่อขายแพ็คเกจการใช้งานอินเทอร์เน็ต ดังนั้น จะเห็นความร่วมมือระหว่างค่ายมือถือ คอนเทนท์ และโอเปอเรเตอร์ ในการพัฒนาแอพฯ มากขึ้น
การพัฒนาเทคโนโลยีมือถือในปัจจุบันที่มี ฟังก์ชันการทำงานเพิ่มขึ้น และการพัฒนาโครงข่าย 3 จีในอนาคต เชื่อว่าจะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือในสัดส่วนเท่ากับคอมพิวเตอร์หรือ มากกว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ จึงถือเป็นโอกาสในการขยายช่องทางการจำหน่ายตั๋วออนไลน์ ผ่านทั้งเว็บไซต์และโทรศัพท์มือถือ ที่น่าจะเติบโตควบคู่กันไป
ลาวัณย์ เล่าว่า ล่าสุดเมเจอร์ฯ ยังให้บริการจองตั๋วภาพยนตร์ทางไอแพด โดยมีพนักงานเข้าไปรับออเดอร์กับลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ภายในสาขาโรงภาพยนตร์ รวมทั้งบริการพิเศษ ช่องทางการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ฟาสท์เลน ที่เครื่องจำหน่ายบัตรอัตโนมัติด้วยบัตรเครดิตชิพการ์ดของทุกสถาบันการเงิน นับเป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในเมืองไทยที่มีระบบซื้อบัตรชมภาพยนตร์ด้วยตนเอง ผ่านบัตรเครดิต ใช้เวลาทำรายการเพียง 2 นาที และสามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ล่วงหน้าได้เช่นเดียวกัน
“การพัฒนานวัต กรรมบริการต่างๆ เชื่อว่าเมื่อลูกค้าได้ทดลองใช้แล้ว จะมีการใช้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสะดวก สบายและคุ้มค่า อีกทั้งยังช่วยตอกย้ำแบรนด์ อิมเมจ ของเมเจอร์ฯ ในฐานะผู้นำในธุรกิจนี้อีกด้วย”
อีกค่ายโรงภาพยนตร์อันดับสอง “เอสเอฟ” เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมการตลาดใหม่ๆ ในโลกออนไลน์เช่นกัน
สุ พัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด กล่าวว่า ได้เปิดตัว “SF Showtimes in Hand” แอพพลิเคชั่น ความบันเทิงรูปแบบใหม่บนโทรศัพท์มือถือ ที่มอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูล เช็ครอบฉาย ชมภาพยนตร์ตัวอย่าง และโปรโมชั่นกิจกรรมต่างๆ ของโรงภาพยนตร์ในเครือ เอสเอฟ รวมทั้งการจองบัตรชมภาพยนตร์ โดยสามารถเลือกที่นั่งได้ทั้งโรง เหมือนมาซื้อตั๋วเองที่หน้าโรงภาพยนตร์ ผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนทุกรุ่น ทุกระบบ เป็นการก้าวสู่โรงภาพยนตร์ที่ให้บริการ Mobile Ticketing สมบูรณ์แบบ
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “SF Showtimes in Hand” ที่ m.sfcinemacity.com หรือที่ App Store สำหรับ iPhone และ Android Market
“การให้บริการที่ดีที่สุดกับลูกค้า คือ หัวใจสำคัญของธุรกิจของโรงภาพยนตร์ ซึ่งเอสเอฟ ได้พัฒนานวัตกรรมระบบการให้บริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสะดวกในการจองตั๋วชมภาพยนตร์ให้อยู่ที่ปลายนิ้วมือ การพัฒนาบริการและนวัตกรรมต่างๆ จะส่งผลที่ดีต่อภาพลักษณ์และเพิ่มจำนวนลูกค้าอีกด้วย”
กรุงเทพฯ, 15 พฤษภาคม 2550 – วันนี้ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่หลายรายการด้วยกัน ซึ่งรวมถึง อินเทล™ คอร์™2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอินเทล™ เซนทริโน™ โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โดยเจาะกลุ่มผู้ใช้ทั้งในกลุ่มองค์กรธุรกิจและบุคคลทั่วไป
นวัตกรรมต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาในอินเทล เซนทริโน โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี รุ่นล่าสุดนี้ ส่งผลให้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ สูงขึ้น อาทิเช่น การทำงานของโปรเซสเซอร์และชิปเซ็ตที่รวดเร็วขึ้น การแสดงผลของวิดีโอและกราฟิกที่ยอดเยี่ยม สัญญาณเครือข่ายไร้สายที่แรงและเร็วกว่าเดิม ระบบการบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวยังได้รับการออกแบบให้ใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า จึงช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น และยังมีอุปกรณ์เสริมที่ลูกค้าสามารถเลือกใส่เพิ่มเติมได้เพื่อเร่งความเร็วระดับเทอร์โบในการบู้ตเครื่องเพื่อเข้าสู่ระบบและการโหลดแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ได้อย่างทันใจ
ภายในปีนี้ คาดว่าบรรดาผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ รีเซลเลอร์ และร้านประกอบคอมพิวเตอร์ทั่วโลก จะวางจำหน่ายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ใช้อินเทล เซนทริโน ดูโอ และ อินเทล เซนทริโน โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี รวมแล้วกว่า 230 รุ่นด้วยกัน โดยผู้ผลิตจะเลือกนำคุณสมบัติต่างๆ มาใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแต่ละรุ่นแตกต่างกันไป
โน้ตบุ๊กแต่ละรุ่นที่วางจำหน่ายจะมีรูปลักษณ์และขนาดต่างๆ มากมายให้ลูกค้าเลือกได้ โดยมีการดีไซน์ที่แตกต่างกันไป นับตั้งแต่รุ่นที่ครบถ้วนและอัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ หรือแม้แต่รุ่นที่ใช้จอไวด์สกรีนขนาด 17 นิ้วซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานเพื่อความบันเทิง จนถึงรุ่นที่มีขนาดเล็กและประหยัดพลังงานซึ่งมีน้ำหนักเบาไม่ถึง 1.5 กิโลกรัม
โน้ตบุ๊ก - หัวใจสำคัญของธุรกิจ
อินเทล เซนทริโน โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่เฉพาะสำหรับผู้ใช้ในกลุ่มธุรกิจ จะประกอบคุณสมบัติต่างๆ ที่ได้รับความนิยมและเคยมีใช้อยู่เฉพาะในคอมพิวเตอร์เดสก์ท้อปสำหรับองค์กรธุรกิจเท่านั้น โดยใช้อินเทล™ วีโปร™ โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี (Intel® vPro™ processor technology) ซึ่งจะช่วยให้แผนกไอทีสามารถบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์ทั้งแบบเดสก์ท้อปและโน้ตบุ๊กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับมือกับปัญหากวนใจได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบการรักษาความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ และการบริหารจัดการทรัพย์สิน โดยทั้งหมดนี้สามารถทำผ่านทางเครือข่ายไร้สายได้อีกด้วย
หนึ่งในนวัตกรรมที่อินเทลนำมาใส่ไว้ใน อินเทล เซนทริโน โปร ได้แก่ Intel® Active Management Technology ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสำหรับองค์กรธุรกิจมีความสามารถในการบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์ มีระบบการป้องกัน และสามารถแก้ไขระบบได้อย่างสะดวกด้วยการทำงานแบบรีโมตผ่านเครือข่ายไร้สาย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิผลให้กับการทำงานลดค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบไอที และเพิ่มช่วงเวลาอัพไทม์ให้สูงขึ้น
ทางด้าน มร. รูเบน ตัน ผู้จัดการฝ่ายวิจัย แผนกระบบส่วนบุคคล ของไอดีซี เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวว่า “ปัจจุบัน อินเทล เซนทริโน โปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี ทำให้เราสามารถนำคุณสมบัติของ อินเทล วีโปร โปรเซสเซอร์ เทคโนโลยี มาเสริมไว้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งคุณสมบัติที่ประกอบไว้ในเครื่องอย่างเช่น ระบบการบริหารจัดการแบบรีโมต จะช่วยลดช่วงเวลาดาวน์ไทม์และค่าใช้จ่ายของฟอร์มแฟกเตอร์ เนื่องจากธรรมชาติของโน้ตบุ้กที่เป็นอุปกรณ์พกพาและยากต่อการบริหารจัดการนั่นเอง” อินเทลคาดว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจำนวนหลายร้อยรุ่นจะมีพร้อมวางจำหน่ายในตลาดแล้ว ด้วยระดับราคาที่หลากหลาย